วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2554

แบบฝึกหัดท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 6 Directing

1. ให้สรุปความหมายของการสั่งการมาพอเข้าใจ
                ถึง การจัดการของผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจในการสั่งการตามหน้าที่ความรับผิดชอบ ชี้แนะบุคคล การนิเทศงานและการติดตามผล เพื่อให้งานดำเนินไปตามแผนหรือเป้าหมายที่กำหนดไว้

2. ขั้นตอนการสั่งการหรือการอำนวยการมีอะไรบ้าง
                2.1 ด้านการวางแผน มีส่วนในการกำหนดวัตถุประสงค์ กำหนดลักษณะงาน ช่วยตีความนโยบายขององค์การให้บุคลากรทราบ พัฒนาสิ่งใหม่ ปรับปรุงระบบและวิธีปฏิบัติให้ดีขึ้น
                2.2 ด้านการจัดองค์การ  มอบหมายงาน แบ่งงาน กำหนดมาตรฐานงาน กำหนดสายบังคับบัญชาและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ดูแลการปฏิบัติงาน
                2.3 ด้านการปฏิบัติการของผู้อำนวยการ กำหนดการเปลี่ยนแปลงบุคคล ประเมินผลการปฏิบัติแต่ละคน ฝึกบุคคลไว้ทดแทน ดูแลความสัมพันธ์และขวัญแก่บุคลากร ศึกษาความจำเป็นและต้องการของบุคคลากร
                2.4 ด้านการควบคุม ติดตามวิธีการและขบวนการปฏิบัติ กำหนดมาตรฐานสำหรับงานแต่ละอย่าง วัดผลผลิต ตรวจสอบความถูกต้องและปริมาณงาน

3. องค์ประกอบของการอำนวยการมีอะไรบ้าง
                1.ความเป็นผู้นำ เป็นกระบวนการของการสั่งการ และการใช้อิทธิพลต่อกิจกรรมต่างๆ ของสมาชิกในองค์การ ให้ยอมตามเพราะยอมรับในอำนาจที่มาจาก 3 แหล่ง คือ ขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดกันมา อำนาจจากบารมี และอำนาจตามกฎหมาย จึงก่อให้เกิดผู้นำ 3 แบบ คือ แบบประชาธิปไตย แบบเผด็จการ และแบบตามสบาย
                2. การจูงใจ  มีความสำคัญต่อการสั่งการหรือการอำนวยการ เพราะเกี่ยวกับบุคลากรให้ปฏิบัติงาน จึงจำเป็นต้องมีการจูงใจหรือกระตุ้นให้อยากทำงาน โดยอาศัยหลักธรรมชาติว่ามนุษย์ต้องการ 5 ระดับได้แก่  ความต้องการขั้นพื้นฐาน คือปัจจัย 4 ความต้องการความมั่นคงปลอดภัย ความต้องการทางสังคม ความต้องการมีเกียรติยศชื่อเสียง และความต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต    ดังนั้น ในการสั่งการโดยมีเทคนิคจูงใจด้วย ก่อนจะสั่งการควรขึ้นคำถามก่อนว่า พอมีเวลาหรือไม่หรือ คุณจะช่วยงานนี้ได้ไหม
                3. การติดต่อสื่อสาร เป็นกระบวนการสำคัญช่วยให้การอำนวยการดำเนินไปได้ด้วยดีมีประสิทธิภาพ มี 2 ลักษณะคือ สื่อสารแบบทางเดียว และสื่อสารแบบ 2 ทาง
                4. องค์การและการบริหารงานบุคคล จุดมุ่งหมายของนักอำนวยการคือ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและองค์การ ซึ่งต้องการไม่เหมือนกันผู้อำนวยการจึงต้องทำให้เกิดความสมดุลกัน

4. ให้นิสิตอธิบายความสำคัญของการสั่งการกับการจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้มาอย่างน้อย 5 ข้อ
                1.การจัดการทรัพยากรการเรียนรู้ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะว่าพนักงานในศูนย์ทรัพยากร
การเรียนรู้ ทำงานไปในทางทิศเดียวกัน
                2.ช่วยให้บุคลากรปรับปรุงระบบและวิธีปฏิบัติให้ดีขึ้น ทำให้ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ บรรลุเป้าหมาย
                3.พนักงานเกิดแรงจูงใจ ทำให้เกิดผลดีกับทรัพยากรการเรียนรู้
                4.ทำให้ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ บรรลุตามเป้าหมาย
                5.ในการทำงานของแต่ละบุคคลมีมาตรฐานทำให้ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้มีประสิทธิภาพ

วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2554

แบบฝึกหัดหน่วยการเรียนรู้ที่ 5

1. อธิบายภารกิจหรือกิจกรรมที่สำคัญ ๆ ของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้มีอะไรบ้าง
                1. การจัดหาสื่อประเภทต่างๆ ไว้สำหรับบริการ
                2. การผลิตสื่อเพื่อนำมาใช้ในการเรียนการสอน
                3. การจัดระบบ จัดเก็บ แยกหมวดหมู่และจัดทาทะเบียน
                4. การบริการให้ยืมวัสดุ เครื่องมืออุปกรณ์
                5. การให้คาปรึกษา แนะนำการใช้และการผลิตสื่อ
                6. การวิจัยและพัฒนาสื่อ

2. ถ้าหากพิจารณาบทบาทหน้าที่ และความรับผิดชอบในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ จะประกอบด้วยบุคคลด้านใดบ้าง
                1. ด้านบริหาร โดยต้องมีการกำหนดวิสัยทัศน์ จุดมุ่งหมายและภารกิจต่างๆ ให้ครอบคลุมงานหรือสิ่งที่ต้องทำ การจัดดำเนินงาน การจัดบุคลากร การนิเทศ การติดต่อประสานงาน การทางบประมาณ การกำหนดมาตรฐานของงาน เพื่อให้หน่วยงานบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ โดยต้องมีฝ่ายรับผิดชอบ ดังนี้
                                1.1 หัวหน้าหน่วยงาน
                                1.2 หัวหน้างานหรือหัวหน้าฝ่าย
                                1.3 เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป
                                1.4 พนักงานธุรการ
                                1.5 เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล
                2. ด้านการบริการ เป็นภารกิจของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ที่นำโครงการต่างๆ ออกสู่กลุ่มเป้าหมาย เช่น บริการด้านการจัดหาสื่อ บริการด้านการใช้สื่อ ด้านการบำรุงรักษา ด้านการให้คำปรึกษา ห้องปฏิบัติการทางภาษา ห้องปฏิบัติการเรียนรู้ด้วยตนเอง เป็นต้น ซึ่งแนวทางในการกำหนดภารกิจด้านบริการควรสะท้อนปรัชญาที่ยึดความต้องการของกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก
                นอกจากนั้นแล้วด้านการบริการยังมีหน้าที่ความรับผิดชอบในการสำรวจและจัดหา จัดเก็บแยกหมวดหมู่ และจัดทาทะเบียนบัญชีสื่อ รวมทั้งมีหน้าที่รับผิดชอบในการซ่อมบำรุงสื่อด้วย โดยมีฝ่ายที่รับผิดชอบ เช่น

                                2.1 บรรณารักษ์
                                2.2 นักวิชาการคอมพิวเตอร์

                                2.3 นายช่างอิเล็กทรอนิกส์
                3. ด้านการผลิตสื่อ บุคลากรที่มีหน้าที่รับผิดชอบ เช่น
                                นักวิชาการโสตทัศนศึกษา
 จะมีหน้าที่ความรับผิดชอบในการออกแบบและผลิตสื่อการเรียนการสอนในระดับต่างๆ การออกแบบประเมินและวิจัยสื่อ ซึ่งบุคลากรที่รับผิดชอบด้านนี้จะต้องเป็นผู้ที่มีวุฒิการศึกษาอย่างต่ำระดับปริญญาในสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา โสตทัศนศึกษา วางสารศาสตร์ ศิลปศึกษา เทคโนโลยีการพิมพ์ เป็นต้น
                                นักวิชาการช่างศิลป์
 จะมีหน้าที่ความรับผิดชอบในด้านการออกแบบภาพประเภทต่างๆ ตัวอักษรประกอบคำบรรยายออกแบบแผ่นป้าย แผนภาพประชาสัมพันธ์ ทำรูปปั้นจำลองสื่อวัสดุสามมิติและอื่นๆ นอกจากนั้นยังเป็นผู้กำหนดและประมาณการขั้นต้นในการใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏิบัติทางด้านศิลปะหรือวัสดุที่ใช้ในการฝึกปฏิบัติกราฟิก
                                นายช่างภาพ
 มีหน้าที่ความรับผิดชอบในการเตรียมจัดหา และเก็บรักษาวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการถ่ายภาพและในห้องปฏิบัติการถ่ายภาพ ล้างอัดขยายภาพ จัดเก็บรักษาฟิล์มโดยบุคลากรในด้านนี้ต้องเป็นผู้มีความรู้ในทางการถ่ายภาพไม่ต่ำกว่าประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง
                4. ด้านการปรับปรุงการเรียนการสอน ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ต้องมีภารกิจหน้าที่ความรับผิดชอบต่อการศึกษาเป็นสำคัญในการจัดหาสื่อมาใช้ในการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและเนื้อหาแต่ละวิชา ตามความจำเป็นให้เพียงพอและยังมีบทบาทในการให้ความช่วยเหลือแก่ครูอาจารย์ในด้านต่างๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีทางการศึกษา
                5. ด้านกิจกรรมอื่น เช่น มีบทบาทหน้าที่ประชาสัมพันธ์สถาบันต่อชุมชนจัดนิทรรศการหรือจัดการแสดงความก้าวหน้าต่างๆ ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ควรมีกิจกรรมเพื่อให้ความรู้แก่สังคมและจัดแสดงสาธิตนวัตกรรมและเทคโนโลยีให้กับผู้สนใจ การจัดกิจกรรมลักษณะนี้ถือว่าเป็นการประชาสัมพันธ์อย่างหนึ่ง

3. ผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ จำแนกเป็นประเภทที่สำคัญได้กี่ประเภทแบ่งได้ 3 ประเภท คือ
                1. บุคลากรทางวิชาชีพ (Professional Staff) ได้แก่ บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ทางด้านเทคโนโลยีทางการศึกษาหรือโสตทัศนศึกษาระดับปริญญาซึ่งถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อ (Media Specialists) หรือบางที่อาจเรียกว่านักวิชาการการโสตทัศนศึกษาก็ได้ส่วนใหญ่บุคลากรกลุ่มนี้จะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้บริหาร การจัดการศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ อำนวยการประสานเกี่ยวกับสื่อ และอำนวยการให้การดำเนินกิจกรรมต่างๆเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
                2 บุคลากรกึ่งวิชาชีพ ( Paraprofessional Staff) บุคลากรกึ่งวิชาชีพ คือ บุคคลที่ได้วุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพโดยมีหน้าที่ช่วยเหลือบุคลากรทางวิชาชีพเกี่ยวกับด้านเทคนิคหรือด้านบริการ
                3 บุคลากรที่ไม่มีความรู้ทางวิชาชีพ ( Non-professional Staff) บุคลากรประเภทนี้ทำหน้าที่ทางด้าธุรกิจ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ฯลฯ  ซึ่งจะมีคุณวุฒิหลากหลายจะใช้ความรู้ความชำนาญเฉพาะในหน้าที่ของตน

4. ท่านมีขั้นตอนในการจัดหาสื่อการเรียนการสอน มาใช้บริการในศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้อย่างไร จงอธิบาย
                ขั้นตอนที่
 1
 เป็นขั้นการสำรวจสภาพของสื่อในสถานศึกษาเพื่อสำรวจหาข้อเท็จจริงเบื้องต้นเป็นข้อมูลมาประกอบการจัดหา
                ขั้นตอนที่ 2 การสำรวจสถานที่ เป็นขั้นตอนการสำรวจวางแผนจะให้สถานที่ส่วนใดบ้างในการทำกิจกรรม เพื่อเป็นการตรวจสอบดูว่ามีสถานที่และสิ่งอานวยความสะดวกที่ต้องการมีเพียงพอแล้วหรือยังและจะต้องการจัดหาอะไรเพิ่มเติมบ้าง
                ขั้นตอนที่
3 การสำรวจความต้องการของผู้ใช้ เพื่อต้องการทราบถึงความต้องการใช้สื่อประเภทต่างๆ โดยนำข้อมูลที่ได้ไปดำเนินการจัดหาให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ ดังนั้นก่อนการจัดหาหรือจัดซื้อสื่อมาไว้บริการ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสำรวจและศึกษาความต้องการของผู้ใช้ก่อนเสมอ
                ขั้นตอนที่ 4 เป็นขั้นการจัดหา โดยนาข้อมูลที่ได้มาจากความต้องการแล้วทำเป็นโครงการสั้นๆ หรือโครงการระยะยาวเพื่อวางแผนในเรื่องงบประมาณในการจัดหาต่อไป ในการจัดซื้อผู้เกี่ยวข้องต้องพิจารณาตามลำดับความสำคัญของผู้ใช้โดยจัดซื้อเฉพาะสื่อที่มีคุณภาพ ประหยัดงบประมาณ ก่อนจัดซื้อสื่ออะไรมาไว้บริการจะต้องมีการประเมินค่าสื่อนั้น โดยคณะกรรมการประเมินค่าสื่อเพื่อพิจารณาว่าสื่อหรือวัสดุอุปกรณ์มีคุณค่าต่อการเรียนการสอนมากน้อยเพียงไร มีข้อดีและข้อจำกัดอย่างไรเพื่อให้การจัดซื้อจัดหาสื่อมาไว้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพก่อเกิดประโยชน์อย่างเต็มที่

5. อธิบายวิธีการจัดซื้อจัดหาวัสดุครุภัณฑ์เพื่อมาใช้ในกิจกรรมและบริการ ท่านมีหลักเกณฑ์สำคัญ อะไรบ้าง
                1. วิธีตกลงราคา
ได้แก่ การซื้อครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาไม่เกิน 50,000 บาท มีวิธีการคือ ให้เจ้าหน้าที่พัสดุต่อรองและตกลงราคากับผู้ขาย แล้วให้หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุจัดซื้อได้ภายในวงเงินที่ได้รับความเห็นชอบจากหัวหน้าส่วนราชการ
                2. วิธีสอบราคา
ได้แก่ การซื้อครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาเกินกว่า 20,000 บาท แต่ไม่เกิน 1,000,000 บาท
                3. วิธีประกวดราคา
ได้แก่ การซื้อครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาเกินกว่า 1,000,000 บาท
                4. วิธีพิเศษ
ได้แก่ การซื้อครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาเกินกว่า 50,000 บาท ให้กระทำได้เฉพาะกรณีใดดังต่อไปนี้
                                1. เป็นพัสดุขายทอดตลาด
                                2.เป็นพัสดุที่จะขายทอดตลาด โดยส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่นองค์การระหว่างประเทศหรือหน่วยงานของต่างประเทศ รัฐวิสาหกิจ
                                3. เป็นพัสดุที่ต้องซื้อเร่งด่วน หากล่าช้าอาจเสียหายแก่ราชการ
                                4. เป็นพัสดุเพื่อใช้ในราชการลับ
                                5. เป็นพัสดุที่ต้องซื้อโดยตรงต่างประเทศ หรือดาเนินการโดยผ่านองค์การระหว่างประเทศ                            6. เป็นพัสดุที่จาเป็นต้องระบุยี่ห้อเป็นการเฉพาะหรือผู้แทนจาหน่ายโดยตรง
                                7. เป็นพัสดุที่ดาเนินการซื้อโดยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผลดี
                                8. เป็นพัสดุที่เป็นที่ดินและ/หรือสิ่งก่อสร้างซึ่งจำเป็นต้องซื้อเฉพาะแห่ง
                5. วิธีกรณีพิเศษ ได้แก่การซื้อในกรณีต่อไปนี้
                                1. การซื้อจากส่วนราชการ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจซึ่งเป็นผู้ทาหรือผลิตวัสดุนั้นๆ ขึ้นเอง และนายกรัฐมนตรีอนุมัติให้ซื้อหรือจ้างได้เป็นการทั่วไปหรือเป็นการเฉพาะคราว
                                2. การซื้อทีมีกฎหมายหรือมติคณะรัฐมนตรีกำหนดให้ต้องซื้อจากส่วนราชการ หน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่นหรือรัฐวิสาหกิจ
                การส่งซื้อโดยวิธีกรณีพิเศษให้หัวหน้าส่วนราชการสั่งซื้อจากส่วนราชการหน่วยงานอื่นได้โดยตรง เว้นแต่การซื้อครั้งหนึ่งซึ่งมีราคาไม่เกิน
20,000 บาท ให้หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุจัดซื้อหรือจ้างได้ภายในวงเงินที่ได้รับความเห็นชอบจากหัวหน้าส่วนราชการ

6. การบริหารบุคคล หมายถึงอะไร                ศิลปะในการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเข้ามาทา งานในองค์การ มอบหมายงาน พัฒนาบุคคลและให้พ้นจากงาน โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพของเป้าหมายหรือบริการของศูนย์ฯ หรือหน่วยงานเป็นสำคัญ

7. หลักการบริหารงานบุคคลมีกี่ระบบ อะไรบ้าง                หลักในการบริหารงานบุคคล แบ่งเป็น 2 ระบบ คือ
1. ระบบคุณธรรม
Merit System ใช้หลักเกณฑ์
                1.1 หลักความเสมอภาค เช่น มีสิทธิสอบได้ทุก
                1.2 หลักความสามารถ เช่น คัดเลือกผู้มีความสามารถสูงไว้ก่อน
                1.3 หลักความมั่นคง เช่น ถ้าไม่ผิดวินัย ก็ไม่ถูกลงโทษให้ออก อยู่จนเกษียณ
                1.4 หลักความเป็นกลางทางการเมือง เช่น ห้ามข้าราชการเป็นกรรมการบริษัท
2. ระบบอุปถัมภ์
Patronage System  ยึดถือพวกพ้อง เครือญาติ หรือผู้มีอุปการคุณ

8. การจำแนกตำแหน่งได้กี่ประเภทการจำแนกตำแหน่ง แบ่งเป็น 3 ประเภท
                1. จำแนกตำแหน่งตามลักษณะตำแหน่ง
Position Classification เป็นการจำแนกตำแหน่งโดยถือลักษณะความรับผิดชอบของตำแหน่งเป็นสำคัญ เช่น กลุ่มเจ้าหน้าที่ธุรการ การเงิน นิติกร วิศวกร เป็นต้น
                2.การจำแนกตำแหน่งตามลักษณะยศ
Rank Classification เป็นการจำแนกตำแหน่งตามตำแหน่งที่ประกอบกับชั้นยศ ใช้กับทหาร ตำรวจ
                3. การจำแนกตำแหน่งตามลักษณะชั้นยศทางวิชาการ
Academic Rank Classification จำแนกตามคุณลักษณะความเชี่ยวชาญ วิชาการ เช่น ครู อาจารย์

9. ขั้นตอนของกระบวนการวางแผนกำลังคนได้แก่อะไรบ้าง
                -ศึกษานโยบายและแผนขององค์การ กระบวนการวางแผนกำลังคนต้องให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนขององค์การ และคาดคะเนปัจจัยหลายๆ อย่างที่มีผลกระทบต่อการกำหนดนโยบายและแผนขององค์การ
                - การตรวจสภาพกำลังคน ; ค้นหาอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับสภาพกาลังคนที่มีอยู่ในองค์การ เช่น จำนวนตำแหน่ง อัตรากาลังคน ความสามารถของพนักงานที่มีอยู่
                - การพยากรณ์ความต้องการกำลังคน คล้ายกับการตรวจสภาพกำลังคน แต่การพยากรณ์มุ่งเน้นอนาคต จะอาศัยปัจจัยต่อไปนี้เพื่อช่วยในการพยากรณ์คือ
                                1. ปริมาณการผลิต
                                2. การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี
                                3. อุปสงค์และอุปทาน
                                4. การวางแผนอาชีพให้แก่พนักงาน Career Planning
                - การเตรียมหาคนสาหรับอนาคต อาจทำได้ดังนี้
                                1. การฝึกอบรมพัฒนาพนักงานที่มีอยู่ ช่วยขวัญกาลังใจ แผนอาชีพ
                                2. การสรรหาคัดเลือกบุคคลจากภายนอก ตลาดแรงงาน

10. การวางแผนกำลังคนที่ดีต้องทราบอะไรบ้างการวางแผนกาลังคนที่ดี ต้องทราบสาระดังนี้
                1. ภาระงาน
Workload หน้าที่ความรับผิดชอบชั่วโมงงาน
                2. การออกแบบงาน
Job Design เป็นการออกแบบโครงสร้างงานต่างๆ ทั้งองค์การว่ามีกลุ่มงานอะไรบ้าง
                3. การวิเคราะห์งาน
Job Analysis วิเคราะห์งานแต่ละตำแหน่ง กำหนดคุณลักษณะที่จาเป็นแต่ละตำแหน่ง เช่น ความสำคัญของงาน ระดับความเป็นอิสระ ตัวบ่งชี้ผลลัพธ์ของงาน ความรู้ความสามารถและทักษะที่จำเป็น เพื่อกำหนดรายละเอียดของตำแหน่ง Job Description และคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง Job Specification
                4. รายละเอียดของตำแหน่งงาน Job Description เป็นการกำหนดชื่อตำแหน่งงานที่ต้องปฏิบัติ
                5. คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง
Job Specification เป็นการกำหนดรายละเอียดในตำแหน่งลึกลงไปอีก
                6. การทาให้งานมีความหมาย
Job Enrichment เป็นวิธีการจูงใจและพัฒนาบุคลากรให้เกิดความพึงพอใจในการทำงาน

11. บุคลากรด้านทรัพยากรการเรียนรู้มีกี่ประเภทบุคลากรด้านทรัพยากรการเรียนรู้ มี 3 ประเภท
                1. ด้านบริหาร โดยต้องมีการกำหนดวิสัยทัศน์ จุดมุ่งหมายและภารกิจต่างๆ ให้ครอบคลุมงานหรือสิ่งที่ต้องทำ การจัดดำเนินงาน การจัดบุคลากร การนิเทศ การติดต่อประสานงาน การทำงบประมาณ การกำหนดมาตรฐานของงานเพื่อให้หน่วยงานบรรลุเป้าหมายที่วางไว้
                2. ด้านการบริการ เป็นภารกิจของศูนย์สื่อการศึกษาที่นาโครงการต่างๆออกสู่กลุ่มเป้าหมาย เช่น บริการด้านการจัดหาสื่อ บริการด้านการใช้สื่อ ด้านการบำรุงรักษา ด้านการให้คาปรึกษา ห้องปฏิบัติการทางภาษา ห้องปฏิบัติการเรียนรู้ด้วยตนเองเป็นต้น ซึ่งแนวทางในการกำหนดภารกิจด้านบริการควรสะท้อนปรัชญาที่ยึดความต้องการของกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก
                3. บุคลากรด้านการผลิตสื่อ

วันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2554

แบบฝึกหัดท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 3-4-5

1. ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ถ้าแบ่งตามกลุ่มเป้าหมายของระบบการศึกษาได้กี่ประเภท อะไรบ้าง จงอธิบาย
                มี 3 ประเภท ได้แก่
                1. ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้สำหรับการศึกษาในระบบโรงเรียน หมายถึง  หน่วยงานที่สนับสนุนการเรียนการสอนทั้งสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ ซึ่งมีการดำเนินการได้หลายลักษณะและมีชื่อเรียกต่างกัน ได้แก่  ศูนย์สื่อการศึกษา หรือหน่วยบริการสื่อการศึกษา
                2. ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้สำหรับการศึกษานอกระบบ  เป็นศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ที่มีเป้าหมายโดยมุ่งการให้บริการกับผู้เรียนที่มีจุดมุ่งหมายที่จะให้ผู้เรียนได้รับความรู้ด้านพื้นฐาน ทักษะในการประกอบอาชีพ และทักษะที่จำเป็นสำหรับความรู้ด้านอื่นๆ เป็นฐานในการดำรงชีวิต เช่น ศูนย์ฝึกอาชีพ ศูนย์การเรียน เป็นต้น
                3. ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้สำหรับการศึกษาตามอัธยาศัย  เป็นศูนย์รวมและให้บริการความรู้โดยมุ่งให้กลุ่มเป้าหมายได้ศึกษาจากประสบการณ์การทำงาน บุคคล ครอบครัว สื่อมวลชน ชุมชน แหล่งความรู้ต่างๆ เพื่อเพิ่มพูน ความรู้ ทักษะ ความบันเทิง และการพัฒนาคุณภาพชีวิต  เช่น พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้  เป็นต้น

2. ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร จงอธิบาย
                ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ประเภทการศึกษาในระบบ
                เป็นศูนย์ที่สนับสนุนการเรียนการสอนทั้งสื่อ วัสดุ อุปกรณ์ ให้สอดคล้องกับหลักสูตรการเรียนการสอน โดยมีการกำหนดจุดมุ่งหมาย ของวิธีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล  ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษาที่แน่นอน
                ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ประเภทการศึกษานอกระบบ
                เป็นศูนย์การศึกษาที่จัดให้กับประชาชน ทุกเพศทุกวัย ไม่จำกัดพื้นฐานการศึกษา อาชีพ ประสบการณ์หรือความสนใจ โดยจะมีความยืดหยุ่นในเรื่องของการกำหนดจุดมุ่งหมาย รูปแบบ วิธีการจัดการศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา การวัดผลและ ประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขการสำเร็จการศึกษา โดยเนื้อหาและหลักสูตรจะต้องมีความเหมาะสมสอดคล้องกับวิถีชีวิตและความต้องการของผู้เรียน
                ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ประเภทการศึกษาตามอัธยาศัย
                เป็นการศึกษาที่เกิดขึ้นตามวิถีชีวิตที่ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเองตาม ความสนใจ ศักยภาพ ความพร้อม และโอกาส เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ทักษะโดยไม่มีหลักสูตร ไม่มีเวลาเรียนที่แน่นอน ไม่จำกัดอายุ ไม่มีการลงทะเบียน ไม่มีการสอบ ไม่มีการรับประกาศนียบัตร มีหรือไม่มีสถานศึกษาที่แน่นอน เรียนที่ไหนก็ได้

3. ให้นิสิตหาตัวอย่างศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ประเภท ละ 3 ศูนย์ พร้อมบอกสถานที่ตั้ง และกลุ่มเป้าหมายของศูนย์นั้น ๆ พร้อมแหล่งอ้างอิง
                - ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ประเภทการศึกษาในระบบ
1. ศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา
ที่ตั้ง : มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ 110/1-4 ถนนประชาชื่น หลักสี่ กรุงเทพฯ 10210
กลุ่มเป้าหมาย : อาจารย์
แหล่งอ้างอิง : http://www.dpu.ac.th/techno/page.php?id=1944
2. สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา
ที่ตั้ง : สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา ต.แสนสุข  อ.เมือง จ. ชลบุรี
กลุ่มเป้าหมาย : อาจารย์,นิสิต
แหล่งอ้างอิง : http://www.lib.buu.ac.th
3. ศูนย์บรรณสารและสื่อการศึกษา มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง  
ที่ตั้ง : เลขที่ 333 หมู่ 1 ต.ท่าสุด อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย 57100
กลุ่มเป้าหมาย : อาจารย์,นิสิต
แหล่งอ้างอิง : http://www.mfu.ac.th/center/lib/index.php
                - ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ประเภทการศึกษานอกระบบ
1. ศูนย์ฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ที่ตั้ง : อาคารสุโขทัย ชั้น ๒ ห้อง ๐๒๑๔  และอาคารศิลาบาตร ชั้นล่าง ในมหาวิทยาลัยรามคำแหง
กลุ่มเป้าหมาย: ประชาชนทั่วไป
2. ศูนย์ฝึกอาชีพเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ครบ 36 พรรษา
ที่ตั้ง : เลขที่ 104 ม.3 ต.บางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 20150
กลุ่มเป้าหมาย: ประชาชนทั่วไป
แหล่งอ้างอิง : http://www.svtc.go.th/th/about.php
3. ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ
ที่ตั้ง อยู่ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ในเขต ต.ช้างใหญ่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา
กลุ่มเป้าหมาย : ประชาชนทั่วไป
แหล่งอ้างอิง : http://www.thaitambon.com/Centre/Bangsai.htm
                - ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ประเภทตามอัธยาศัย
1. พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์
ที่ตั้ง เทคโนธานี ถ.รังสิต-นครนายก ต. คลองห้า  อ. คลองหลวง จ. ปทุมธานี 12120
กลุ่มเป้าหมาย : ประชาชนทั่วไป
2. พิพิธภัณฑ์สิรินธร
ที่ตั้ง ต.โนนบุรี  อ.สหัสขันธ์   จ.กาฬสินธุ์
กลุ่มเป้าหมาย : ประชาชนทั่วไป
แหล่งอ้างอิง :  http://www.dmr.go.th/dmr_data/sirindhorn/main.htm
3. มิวเซียม สยาม
ที่ตั้ง: เลขที่ 4 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ
กลุ่มเป้าหมาย: ประชาชนทั่วไป
แหล่งอ้างอิง : http://museumsiam.com

4. ให้นิสิตแต่ละคน หาตัวอย่างของศูนย์สำหรับการศึกษาตามอัธยาศัยมา คนละ 1 ศูนย์ โดยต้องอธิบายดังรายละเอียดต่อไปนี้
                - พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย
4.1       นโยบาย ของศูนย์ วิสัยทัศน์ และกลุ่มเป้าหมายของศูนย์
                นโยบาย
1. อนุรักษ์เงินตราไทยอันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของชนชาติไทยในอดีต
2. เป็นศูนย์กลางการค้นคว้าศึกษาเกี่ยวกับวิวัฒนาการเงินตราไทย ระบบเงินตรา ซึ่งสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมในแต่ละยุคสมัย
3. เผยแพร่ความรู้แก่สาธารณชนเกี่ยวกับระบบการเงินของไทย และบทบาทของธนาคารแห่งประเทศไทยในฐานะธนาคารกลางของประเทศ
4. แสดงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมและศิลปกรรมของอาคารโบราณสถานที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้อนุรักษ์ไว้ให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของชาติต่อไป
                วิสัยทัศน์
                มุ่งอนุรักษ์เงินตราไทย เพื่อ เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจแก่สาธารณชน โดยให้พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับวิวัฒนาการเงินตราไทย ประวัติสถานที่และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งประวัติบทบาทหน้าที่การดำเนินงานของธนาคารแห่งประเทศไทย  เพื่อแสดงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และศิลปวัฒนธรรม
                กลุ่มเป้าหมายของศูนย์ : บุคคลทั่วไป
4.2       แหล่งที่มาของศูนย์
                พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย มีอนุสนธิมาจากคำสั่งที่ ๙๖/๒๕๒๑ ลงวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๒๑ เรื่องตั้งคณะทำงานพิจารณาจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ของธนาคาร ทำหน้าที่ดูแลการซ่อมแซมปรับปรุงวังบางขุนพรหม เพื่อให้เป็นพิพิธภัณฑ์เงินตราและจัดแสดงประวัติวังบางขุนพรหม ซึ่งเดิมวังบางขุนพรหมเป็นอาคารที่ทำการธนาคารแห่งประเทศไทย ต่อมาในปี ๒๕๒๕ เมื่ออาคารสำนักงานใหญ่หลังแรกได้เปิดดำเนินการ  วังบางขุนพรหมจึงมิได้ใช้งาน ประกอบกับมีความงดงามทางสถาปัตยกรรมเป็นอย่างยิ่ง จึงได้รับความเห็นชอบจากธนาคารที่จะตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย  เมื่อการจัดทำพิพิธภัณฑ์แล้วเสร็จ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้กราบบังคมทูลพระกรุณาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดพิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ ๙ มกราคม พ.ศ.๒๕๓๖
                ต่อมาภายหลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์วังเทวะเวสม์ในปี ๒๕๔๑ จึงได้มีการปรับปรุงและอนุรักษ์ตำหนักใหญ่ วังเทวะเวสม์ และได้จัดทำห้องจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยที่ตำหนักนี้ด้วย โดยแสดงพระประวัติของสมเด็จ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการและแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับวังเทวะเวสม์ ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้มีพระกรุณาเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดตำหนักใหญ่ วังเทวะเวสม์ เมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ 

5. ให้นิสิตแต่ละคนหาตัวอย่างผังโครงสร้างของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ มาคนละ 2 ผังโครงสร้าง พร้อมเขียนอธิบายดังนี้
      5.1  แหล่งอ้างอิงของโครงสร้างศูนย์
      5.2 โครงสร้างดังกล่าวเป็นประเภทใด เพราะเหตุใด
โครงสร้างองค์กร สถาบันวิทยบริการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เป็นแบบ Line and Staff  Organization เป็นรูปแบบการจัดโครงสร้างสำหรับหน่วยงานขนาดใหญ่ ซึ่งลำพัง
ผู้บริหารคนเดียวไม่สามารถดำเนินการได้ จึงมีในรูปแบบของคณะกรรมการต่าง ๆ เข้ามาเป็นผู้ช่วยควบคุมการทำงานโดยมีอำนาจทางอ้อมในการดำเนินการนั้น ๆ
โครงสร้างสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยศรีปทุม

แหล่งอ้างอิง : http://librarytest.spu.ac.th/content/0/8217.php
เป็นแบบ Line Organization เป็นรูปแบบการจัดโครงสร้างตามงานที่รับผิดชอบในอำนาจหน้าที่กันเป็นขั้น ๆจากระดับสูงสุดไปจนกระทั่งต่ำสุด

--------------------------

Burapha University Library

สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา
ประวัติ
             สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยบูรพา เป็นหน่วยงานส่งเสริมวิชาการของมหาวิทยาลัยทำหน้าที่เป็นศูนย์บริการ สารสนเทศเพื่อการศึกษา ค้นคว้า และวิจัย พัฒนามาจากห้องอ่านหนังสือ ซึ่งเปิดบริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2498 โดยใช้ห้องเลขที่ 203 ในอาคารเรียนของวิทยาลัยวิชาการศึกษาบางแสน ต่อมาในปี พ.ศ. 2499 ห้องสมุดได้ย้ายมาอยู่อาคารอำนวยการ โดยได้ใช้ห้องชั้นล่างของอาคารเป็นที่ปฏิบัติงานจนถึงปี พ.ศ. 2503 วิทยาลัยได้สร้างอาคารเรียนหลังใหม่เสร็จเรียบร้อย ห้องสมุดได้ย้ายอีกครั้งมาอยู่ในห้องโถงชั้นล่างของอาคารเรียนซีกหนึ่ง จนกระทั่งปี พ.ศ. 2516 วิทยาลัยได้งบประมาณก่อสร้างอาคารหอสมุดเป็นเอกเทศ มีลักษณะเป็นอาคาร 2 ชั้น และเปิดใช้เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2516
             เมื่อวิทยาลัยวิชาการศึกษาได้รับการเปลี่ยนฐานะเป็นมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตบางแสน และมหาวิทยาลัยบูรพา ตามลำดับนั้น ในปีงบประมาณ 2536-2539 สำนักหอสมุดได้รับงบประมาณการก่อสร้างอาคารสำนักหอสมุดหลังใหม่สูง 7 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอย 11,500 ตารางเมตร และได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อ อาคารเทพรัตนราชสุดาและเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคาร เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2538

สำนักหอสมุดแบ่งการดำเนินงาน ดังนี้
            สำนักงานเลขานุการ
            ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ
            ฝ่ายบริการสารสนเทศ
            ฝ่ายพัฒนาทรัพยากรสารสนเทศ
            ฝ่ายวิเคราะห์ทรัพยากรสารสนเทศ
            ฝ่ายเอกสารและวารสาร
            ฝ่ายโสตทัศนศึกษา
การบริการ
             สำนักหอสมุด ให้บริการสารสนเทศในรูปแบบสื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ / สื่อโสตทัศน์ ในทุกสาขาวิชา โดยมีบริการต่างๆดังนี้

ชั้น 1
            - บริเวณที่นั่งอ่านหนังสือ หรือ ที่นั่งพักผ่อนริมน้ำ
            - บริเวณออกกำลังกาย
            - บริเวณรับประทานอาหาร และเครื่องดื่มภายในอาคาร
ชั้น 2
            - สมัครสมาชิกห้องสมุด            - ยืม-คืนหนังสือ
            - ยืมระหว่างห้องสมุด - นำชมห้องสมุด
            - ฝึกอบรมการสืบค้นOPACและฐานข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์
            - ตอบคำถามและช่วยการค้นคว้า
            - หนังสือภาษาต่างประเทศ
            - หนังสือ SET Corner
ชั้น 3
            - หนังสือภาษาไทย นวนิยาย เรื่องสั้น หนังสือเด็ก
            - ถ่ายเอกสาร
ชั้น 4
            - วารสาร หนังสือพิมพ์จดหมายข่าว
            - สืบค้นฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
            - ถ่ายเอกสาร
ชั้น 5
            - ยืม-คืน วิทยานิพนธ์
            - วิทยานิพนธ์ หนังสืออ้างอิง
            - หนังสือหายาก จุลสาร กฤตภาค หนังสือ ราชกิจจานุเบกษา
            - สารสนเทศภาคตะวันออก
ชั้น 6
            - ยืม-คืน สื่ออิเล็กทรอนิกส์/สื่อโสตทัศน์
            - ชุดศึกษาเทปวีดิทัศน์, วีซีดี, ซีดีรอม- มัลติมีเดีย, เทปเสียงและรายการโทรทัศน์
           ผ่านดาว เทียม/UBC
            - อินเทอร์เน็ตและศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต
            - ห้องมินิโฮมเธียเตอร์
ชั้น 7
            - ขอเลข ISBN และ ISSN
            - หนังสือพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
            - หนังสือภาษาไทย พิมพ์ก่อน พ.ศ. 2526
            - หนังสือภาษาต่างประเทศ พิมพ์ก่อน ค.ศ.1970


เว็บไซต์ของสำนักหอสมุด : http://www.lib.buu.ac.th 

หลักการจัดการเบื้องต้น

     การจัดการ เป็นการดำเนินงานหรือกระบวนการใดๆ ของบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อที่จะให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งเอาไว้ร่วมกัน โดยคำนึงถึงการจัดสรรทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด และมีองค์ประกอบ คือ
          1.เป้าหมายที่ชัดเจน (Goal)
          2.ทรัพยากรในการบริหารที่มีจำกัด (Management Resources)
          3.การประสานงานระหว่างกัน (Co-ordinate)
          4.การแบ่งงานกันทำ (Division)
ทรัพยากรในการจัดการ
          Man  = ทรัพยากรบุคคล
          Money  = งบประมาณ
          Materials / Media = วัสดุ/สื่อ
          Market = การตลาด/ประชาสัมพันธ์
          Machine = เครื่องจักร
          Moral = ขวัญ กำลังใจ
ความแตกต่างระหว่างการบริหารกับการจัดการ
     การบริหาร
1.เป็นกระบวนการดำเนินระดับการกำหนดนโยบายที่ครอบคลุมการทำงานในภาพรวมของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้
2.ผู้บริหารพยายามบริหารงานให้เป็นไปตามเป้าหมายของสูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้3.ผลสำเร็จของศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ มิได้คำนึงถึงผู้รับบริการเป็นหลักแต่ดูจากภาพรวมของความสำเร็จของหน่วยงานเป็นหลัก
     การจัดการ
1.เป็นกระบวนการดำเนินงานใดๆของศูนย์ที่ต้องการให้กลุ่มเป้าหมายเกิดการเรียนรู้โดยฝ่ายงานย่อยของศูนย์รับผิดชอบ
2.เป็นบทบาทหน้าที่ ความรับผิดชอบของฝ่ายงาน โดยคำนึงถึงผู้รับบริการเป็นหลัก โดยคำนึงถึงแนวนโยบายของแต่ละแผนกเพื่อให้ศุนย์บรรลุเป้าหมาย
องค์การสมัยใหม่
     หมายถึง  หน่วยงานที่มีการทำงานอย่างเป็นระบบที่มีความยืดหยุ่น โดยไม่ยึดกับหลักการและทฤษฎีที่มีแบบแผน  แต่มีความยืดหยุ่น โดยคำนึงถึงปัจจัยสภาพแวดล้อมสภาพสังคม เศรษฐกิจ และเป้าหมายขององค์การเป็นหลัก
ตัวอย่าง แนวทางองค์การสมัยใหม่
     5S Model
1. Small คือ เป็นองค์การขนาดเล็ก แต่เป็นองค์กรที่มีคุณภาพ
2.
Smart คือ ดูดีดูเท่ห์ดูน่าเชื่อถือ ใช้คำว่าฉลาดเพียบพร้อมด้วยภูมิปัญญา การจะทำให้เท่ห์ต้องมีISO มีการประกันคุณภาพในระบบของ QA และกิจกรรมอื่นๆ
3.
Smile คือ ยิ้มแย้มแจ่มใส เปี่ยมด้วยน้ำใจ ฉะนั้นคนในองค์การจะต้องทำงานอย่างมีความสุข
4.
Smooth คือ ไม่พูดเรื่องการขัดแย้ง จะพูดเรื่องการผนึกกำลังการทำงานเป็นทีม เพื่อให้ประสบความสำเร็จ
5.
Simplify คือ ทำเรื่องสลับซับซ้อนให้เป็นเรื่องง่าย หรือทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ทำเรื่องที่ช้าให้เร็วขึ้น